Log in or Sign up
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Car Clubs
>
American Car Clubs
>
Neon Club Thailand
>
"เฟซบุ๊ก"หั่น"ทฤษฎีความสัมพันธ์ 6 ขั้น"ทิ้ง เหลือ"4.74 "...
>
Reply to Thread
Name:
Verification:
Please enable JavaScript to continue.
Loading...
Message:
<p>[QUOTE="Bond Comsquare, post: 2177727"]"เฟซบุ๊ก"หั่น"ทฤษฎีความสัมพันธ์ 6 ขั้น"ทิ้ง เหลือ"4.74 " ผูัเชี่ยวชาญชี้มนุษย์เริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น ผลการศึกษาชิ้นใหม่ของเฟซบุ๊กร่วมกับมหาวิทยาลัยแห่งมิลานพบว่า ผู้ใช้เว็บไซต์สังคมออนไลน์แต่ละรายจะสามารถรู้จักกันได้ไม่เกิน 4.74 ช่วงความสัมพันธ์ จากเดิมที่ทฤษฎี "The Six Degree of Separation" หรือ"ทฤษฎีความสัมพันธ์ 6 ขั้น" ที่ระบุไว้ว่า คนทุกคนในโลกจะรู้จักกันผ่านความสัมพันธ์ไม่เกิน 6 ขั้นเท่านั้น ฝ่ายข้อมูลของเฟซบุ๊กได้โพสต์ผลการศึกษาดังกล่าวผ่านหน้าเว็บบล็อก Facebook Data Team เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ผลการศึกษาในผู้ใช้เฟซบุ๊กทั้งสิ้น 721 ล้านคน หรือมากกว่า 1 ใน 10 ของประชากรทั่วโลก โดยใช้วิธีคิดแบบอัลกอริธึมขั้นสูง เพื่อคำนวณหาจำนวนของความคาดหวังระหว่างแต่ละคู่ของผู้ใช้เฟซบุ๊ก โดยผลการศึกษาพบว่า ระดับขั้นของความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้สองรายไม่ว่าคนใดก็ตาม อยู่ที่ 4.74 ขั้น ซึ่งมีขนาดที่เล็กกว่าที่มีการกล่าวอ้างตามทฤษฎีความสัมพันธ์ 6 ขั้น และต่างจากผลการศึกษาเมื่อปี 2008 ที่พบว่าระดับขั้นของความสัมพันธ์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กอยู่ที่ 5.28 ขั้น ขณะที่ในสหรัฐฯ ซึ่งประชาชนที่มีอายุมากกว่า 13 ปี มากกว่าครึ่งใช้เฟซบุ๊กต่ำกว่าเล็กน้อยที่ 4.37 และเริ่มลดลงเรื่อยๆในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พร้อมๆไปกับการเติบโตของเฟซบุ๊ก แม้ว่าผลการศึกษาครั้งนี้ จะมีตัวเลขที่ห่างไกลจากทฤษฎีเดิมค่อนข้างมาก และก่อให้เกิดคำถามต่อคำจำกัดความของคำว่า"เพื่อน"ทางเฟซบุ๊ก ผลการศึกษาของไมโครซอฟท์เมื่อปี 2008 ซึ่งใช้คำจำกัดความของคำว่าเพื่อนแบบเดิม พบว่า ผู้คนจำนวน 240 ล้านคนที่ใช้บริการพูดคุยผ่านเครือข่ายไมโครซอฟท์ หรือเอ็มเอสเอ็น พบว่าผู้ใช้แต่ละคนมีระดัยขั้นของความสัมพันธ์ที่ห่างกัน 6.6 ขั้น โดยนายอีริก ฮอร์วิตซ์ นักวิจัยของไมโครซอฟท์กล่าวว่า เครือข่ายที่ใช้ในการวิจัยตั้งอยู่บนพื้นฐานของผู้ใช้ที่แลกเปลี่ยนข้อความกัน มากกว่าที่จะผู้ใช้ที่อยู่ในสถานะ"บัดดี้" หรือเพื่อน ขณะที่นายจอน ไคลน์เบิร์ก ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ในฐานะที่ปรึกษาของการศึกษาครั้งนี้เผยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกันของบุคคลแต่ละคู่อาจมี"ความหมาย"แตกต่างกัน เขาชี้ว่าในยุคปัจจุบัน เรามีความใกล้ชิดด้านความรู้สึกกับคนที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนเรา แสดงความเห็นอกเห็นใจต่อเรา หรือมีอะไรบางอย่างเหมือนกับเรามากขึ้น และความสัมพันธ์แบบหลวมๆนี่เองที่ทำให้โลกแคบลง อย่างไรก็ดี เขาระบุว่า ความสัมพันธ์ดังกล่าวก็แทบจะไม่ได้ไร้ความหมายไปเสียทีเดียว ดังจะเห็นได้ว่าข่าวคราวต่างๆสามารถแพร่ขยายไปได้อย่างรวดเร็วผ่านความสัมพันธ์ที่ก่อตัวแบบหลวมๆ หากว่ามีใครส่งข่าวดีๆมาให้เรา เราก็อาจส่งต่อให้เพื่อนคนอื่นทราบได้ แต่หากเป็นเรื่องไม่ดี เราก็อาจจะไม่ส่งต่อ ทฤษฎีความสัมพันธ์ 6 ขั้น เริ่มต้นขึ้นในปี 1929 เมื่อนักเขียนชาวฮังกาเรียนคนหนึ่งชื่อนายฟริกเยส คารินธีย์ได้เขียนเรื่องสั้นขึ้นมาเรื่องหนึ่งชื่อ Chain Link ซึ่งในนั้นได้กล่าวถึงความคิดแปลกๆ ของเขาว่า คนสองคนสามารถรู้จักกันได้ไม่เกิน 5 ช่วงความสัมพันธ์ ความคิดนี้กลายเป็นที่โจษจันกันอย่างแพร่หลาย ก่อนที่จะได้รับการรื้อฟื้นขึ้นอีกครั้งเมื่อปี 1967 จากการทดลองของ ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา ดร. สแตนลี่ย์ มิลแกรม ชาวสหรัฐฯ ซึ่งทำการทดลองส่งจดหมายไปหาเพื่อนของเขาที่เมืองบอสตัน โดยส่งจดหมายจำนวนหลายฉบับผ่านไปยังอาสาสมัครจำนวน 296 คน และให้อาสาสมัครเหล่านี้ส่งจดหมายต่อไปให้คนรู้จัก ที่เขาคิดว่าน่าจะรู้จักผู้รับปลายทางที่รออยู่ที่บอสตันมากที่สุด ปรากฏว่าผลสรุปของการทดลองนี้พบว่า ผู้รับจดหมายได้รับโดยผ่านการส่งต่อเป็นทอดๆ เฉลี่ยแล้ว 6 ครั้งเท่านั้น[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="Bond Comsquare, post: 2177727"]"เฟซบุ๊ก"หั่น"ทฤษฎีความสัมพันธ์ 6 ขั้น"ทิ้ง เหลือ"4.74 " ผูัเชี่ยวชาญชี้มนุษย์เริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น ผลการศึกษาชิ้นใหม่ของเฟซบุ๊กร่วมกับมหาวิทยาลัยแห่งมิลานพบว่า ผู้ใช้เว็บไซต์สังคมออนไลน์แต่ละรายจะสามารถรู้จักกันได้ไม่เกิน 4.74 ช่วงความสัมพันธ์ จากเดิมที่ทฤษฎี "The Six Degree of Separation" หรือ"ทฤษฎีความสัมพันธ์ 6 ขั้น" ที่ระบุไว้ว่า คนทุกคนในโลกจะรู้จักกันผ่านความสัมพันธ์ไม่เกิน 6 ขั้นเท่านั้น ฝ่ายข้อมูลของเฟซบุ๊กได้โพสต์ผลการศึกษาดังกล่าวผ่านหน้าเว็บบล็อก Facebook Data Team เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ผลการศึกษาในผู้ใช้เฟซบุ๊กทั้งสิ้น 721 ล้านคน หรือมากกว่า 1 ใน 10 ของประชากรทั่วโลก โดยใช้วิธีคิดแบบอัลกอริธึมขั้นสูง เพื่อคำนวณหาจำนวนของความคาดหวังระหว่างแต่ละคู่ของผู้ใช้เฟซบุ๊ก โดยผลการศึกษาพบว่า ระดับขั้นของความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้สองรายไม่ว่าคนใดก็ตาม อยู่ที่ 4.74 ขั้น ซึ่งมีขนาดที่เล็กกว่าที่มีการกล่าวอ้างตามทฤษฎีความสัมพันธ์ 6 ขั้น และต่างจากผลการศึกษาเมื่อปี 2008 ที่พบว่าระดับขั้นของความสัมพันธ์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กอยู่ที่ 5.28 ขั้น ขณะที่ในสหรัฐฯ ซึ่งประชาชนที่มีอายุมากกว่า 13 ปี มากกว่าครึ่งใช้เฟซบุ๊กต่ำกว่าเล็กน้อยที่ 4.37 และเริ่มลดลงเรื่อยๆในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พร้อมๆไปกับการเติบโตของเฟซบุ๊ก แม้ว่าผลการศึกษาครั้งนี้ จะมีตัวเลขที่ห่างไกลจากทฤษฎีเดิมค่อนข้างมาก และก่อให้เกิดคำถามต่อคำจำกัดความของคำว่า"เพื่อน"ทางเฟซบุ๊ก ผลการศึกษาของไมโครซอฟท์เมื่อปี 2008 ซึ่งใช้คำจำกัดความของคำว่าเพื่อนแบบเดิม พบว่า ผู้คนจำนวน 240 ล้านคนที่ใช้บริการพูดคุยผ่านเครือข่ายไมโครซอฟท์ หรือเอ็มเอสเอ็น พบว่าผู้ใช้แต่ละคนมีระดัยขั้นของความสัมพันธ์ที่ห่างกัน 6.6 ขั้น โดยนายอีริก ฮอร์วิตซ์ นักวิจัยของไมโครซอฟท์กล่าวว่า เครือข่ายที่ใช้ในการวิจัยตั้งอยู่บนพื้นฐานของผู้ใช้ที่แลกเปลี่ยนข้อความกัน มากกว่าที่จะผู้ใช้ที่อยู่ในสถานะ"บัดดี้" หรือเพื่อน ขณะที่นายจอน ไคลน์เบิร์ก ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ในฐานะที่ปรึกษาของการศึกษาครั้งนี้เผยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกันของบุคคลแต่ละคู่อาจมี"ความหมาย"แตกต่างกัน เขาชี้ว่าในยุคปัจจุบัน เรามีความใกล้ชิดด้านความรู้สึกกับคนที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนเรา แสดงความเห็นอกเห็นใจต่อเรา หรือมีอะไรบางอย่างเหมือนกับเรามากขึ้น และความสัมพันธ์แบบหลวมๆนี่เองที่ทำให้โลกแคบลง อย่างไรก็ดี เขาระบุว่า ความสัมพันธ์ดังกล่าวก็แทบจะไม่ได้ไร้ความหมายไปเสียทีเดียว ดังจะเห็นได้ว่าข่าวคราวต่างๆสามารถแพร่ขยายไปได้อย่างรวดเร็วผ่านความสัมพันธ์ที่ก่อตัวแบบหลวมๆ หากว่ามีใครส่งข่าวดีๆมาให้เรา เราก็อาจส่งต่อให้เพื่อนคนอื่นทราบได้ แต่หากเป็นเรื่องไม่ดี เราก็อาจจะไม่ส่งต่อ ทฤษฎีความสัมพันธ์ 6 ขั้น เริ่มต้นขึ้นในปี 1929 เมื่อนักเขียนชาวฮังกาเรียนคนหนึ่งชื่อนายฟริกเยส คารินธีย์ได้เขียนเรื่องสั้นขึ้นมาเรื่องหนึ่งชื่อ Chain Link ซึ่งในนั้นได้กล่าวถึงความคิดแปลกๆ ของเขาว่า คนสองคนสามารถรู้จักกันได้ไม่เกิน 5 ช่วงความสัมพันธ์ ความคิดนี้กลายเป็นที่โจษจันกันอย่างแพร่หลาย ก่อนที่จะได้รับการรื้อฟื้นขึ้นอีกครั้งเมื่อปี 1967 จากการทดลองของ ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา ดร. สแตนลี่ย์ มิลแกรม ชาวสหรัฐฯ ซึ่งทำการทดลองส่งจดหมายไปหาเพื่อนของเขาที่เมืองบอสตัน โดยส่งจดหมายจำนวนหลายฉบับผ่านไปยังอาสาสมัครจำนวน 296 คน และให้อาสาสมัครเหล่านี้ส่งจดหมายต่อไปให้คนรู้จัก ที่เขาคิดว่าน่าจะรู้จักผู้รับปลายทางที่รออยู่ที่บอสตันมากที่สุด ปรากฏว่าผลสรุปของการทดลองนี้พบว่า ผู้รับจดหมายได้รับโดยผ่านการส่งต่อเป็นทอดๆ เฉลี่ยแล้ว 6 ครั้งเท่านั้น[/QUOTE]
Log in with Facebook
Log in with Twitter
Log in with Google
Your name or email address:
Do you already have an account?
No, create an account now.
Yes, my password is:
Forgot your password?
Stay logged in
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Car Clubs
>
American Car Clubs
>
Neon Club Thailand
>
"เฟซบุ๊ก"หั่น"ทฤษฎีความสัมพันธ์ 6 ขั้น"ทิ้ง เหลือ"4.74 "...
>
X
Home
Home
Quick Links
Recent Posts
Recent Activity
Authors
Forums
Forums
Quick Links
Search Forums
Recent Posts
Classifieds
Classifieds
Quick Links
Search Classifieds
Recent Activity
Top Rated Traders
Media
Media
Quick Links
Search Media
New Media
Members
Members
Quick Links
Notable Members
Registered Members
Current Visitors
Recent Activity
New Profile Posts
Menu
Search titles only
Posted by Member:
Separate names with a comma.
Newer Than:
Search this thread only
Search this forum only
Display results as threads
Useful Searches
Recent Posts
More...