Log in or Sign up
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Portal
>
Articles
>
McLaren P1 : An Engineering Perfection - แม็คลาเรน พีวัน : สุดยอดความสมบูรณ์แบบทางวิศวกรรม
>
Reply to Thread
Name:
Verification:
Please enable JavaScript to continue.
Loading...
Message:
<p>[QUOTE="RacingWeb, post: 2080908, member: 9984"] <ul> <li>"McLaren P1 คือ รถที่มีความล้ำสมัยที่สุดและน่าอัศจรรย์ที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา" Top Gear UK</li> <li>"McLaren P1 ได้เปลี่ยนนิยามของคำว่า "ซุปเปอร์คาร์" ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง" Jeremy Clarkson</li> <li>"McLaren P1 คือ รถซุปเปอร์คาร์สมัยใหม่ของศตวรรษที่ 21" Jay Leno</li> </ul><p></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh6.googleusercontent.com/-5ZxlwJrIA-Q/U0MSRE7KitI/AAAAAAAABrA/iwJt4Hf4TcI/s640/mp1.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>McLaren P1 เป็นรถซุปเปอร์คาร์สายพันธุ์ Hybrid ที่ถูกพัฒนาและผลิตโดยบริษัทรถยนต์สัญชาติอังกฤษชื่อดัง McLaren Automotive ซึ่งเป็นค่ายรถยนต์ที่ผลิตเฉพาะรถยนต์สมรรถนะสูงเท่านั้น จุดเด่นของค่ายนี้อยู่ที่การนำเทคโนโลยีของรถแข่งฟอร์มูล่าวันมาใส่ไว้ในรถยนต์ และในครั้งนี้ P1 ก็ได้รับเทคโนโลยีล่าสุดของรถแข่งมาอย่างเต็มรูปแบบ นอกจากเทคโนลียีที่ล้ำสมัยแล้ว วัสดุที่ใช้ในการประกอบรถคันนี้ยังเป็นวัสดุเกรดพรีเมี่ยมที่มีใช้เฉพาะในทางการทหารและการสำรวจอวกาศเท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้น รูปทรงของ P1 ยังได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์บนพื้นฐานของรถแข่งฟอรมูล่าวันที่ล้ำสมัยที่สุด ทั้งหมดนี้ทำให้ McLaren P1 เป็นหนึ่งในซุปเปอร์คาร์ที่ดีที่สุดของโลกในตอนนี้</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh6.googleusercontent.com/-7nNee8s0tsQ/U0MSRtE8lCI/AAAAAAAABrM/HDlqYgeGogg/s640/mp2.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>McLaren P1 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน 2013 Geneva Motor Show และเพื่อที่จะคงไว้ซึ่ง "ความพิเศษ" ของรถรุ่นนี้ McLaren จึงได้จำกัดจำนวนการผลิตไว้เพียงแค่ 375 คันเท่านั้น และทั้ง 375 คัน ก็ถูกขายหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่เดือนหลังจากที่เปิดตัว McLaren P1 ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงอีกชิ้นหนึ่งของ McLaren ที่ได้รับดีเอ็นเอจากรถแข่งฟอร์มูล่าวันมาอย่างเต็มเปี่ยม และได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อสานต่อตำนานความแรงจากรุ่นพี่อย่าง McLaren F1</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh5.googleusercontent.com/-0v8HkSQfWiw/U0MSPMzZrUI/AAAAAAAABqo/w9auErNeQl0/s640/McLaren%2520P1%2520GENERAL.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><br /></p><p>McLaren P1 เป็นรถยนต์ Hybrid ที่ใช้เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นกำลังขับเคลื่อน เครื่องยนต์ถูกติดตั้งไว้ที่ด้านหลังของตัวรถและส่งกำลังไปขับเคลื่อนล้อหลังโดยตรง โดยที่เครื่องยนต์เป็นเครื่องยนต์เบนซิน V8 3.8L twin-turbocharger ให้กำลังสูงถึง 727 แรงม้า ประกอบกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถเสกม้าได้เพิ่มอีก 176 ตัว เมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกันแล้ว จะทำให้ได้กำลังทั้งหมด 903 แรงม้า บอกได้คำเดียวว่าแรงมาก ผมนึกไม่ออกเลยว่าการที่มีม้า 900 กว่าตัววิ่งอยู่หลังคนขับ มันจะรู้สึกยังไง? ด้วยกำลังขับเคลื่อนมหาศาลขนาดนี้ ทำให้ P1 สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 2.8 วินาที ใช่แล้วครับ อ่านไม่ผิดหรอกครับ 2.8 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารุ่นพี่อย่าง McLaren F1 ที่สามารถทำเวลาได้ 3.2 วินาที</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh6.googleusercontent.com/-WfOAGowp3OQ/U0MSPEgqq3I/AAAAAAAABqk/dVzhpXpDoVI/s623/engine.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><br /></p><p>เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบถูกใช้เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อน ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้านั้นเป็นเพียงกำลังเสริม เป็นที่ทราบอยู่แล้วว่าเครื่องยนต์เทอร์โบจะมีจุดอ่อนในช่วงรอบต่ำ เพราะว่าในช่วงรอบต่ำนั้น เทอร์โบจะไม่สามารถสร้างแรงอัดอากาศได้เพียงพอ (บูสท์ไม่เพียงพอ) ทำให้เครื่องยนต์สร้างกำลังได้ไม่เต็มที่ เราเรียกอาการนี้ว่า "Turbo lag" (เทอร์โบแล็ก) หรืออาการ "รอรอบ" นั่นเอง และนี่เป็นจุดที่มอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาท มอเตอร์ไฟฟ้าถูกออกแบบมาให้ทำงานในช่วงรอบต่ำ เพื่อเป็นการเสริมกำลังให้กับเครื่องยนต์ในขณะที่เกิดอาการเทอร์โบแล็ก เมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานอย่างสัมพันธ์กันแล้ว ก็จะสามารถสร้างกำลังได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ</p><p><br /></p><p>นอกจากจะช่วยเพิ่มกำลังให้กับเครื่องยนต์ในช่วงเทอร์โบแล็กแล้ว มอเตอร์ไฟฟ้ายังสามารถเป็นกำลังเสริมในช่วงเร่งออกตัวได้อีกด้วย ผู้ขับสามารถเรียกใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเมื่อใดก็ได้ที่ต้องการ โดยการกดปุ่ม IPAS (Instant Power Assist System)ที่อยู่ตรงพวงมาลัย ซึ่งเทคโนโลยี IPAS ก็เป็นหนึ่งในเทคโลโลยีฟอร์มูล่าวันเช่นเดียวกัน</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh5.googleusercontent.com/-wrYc5_Orjnw/U0MSQmJ7WRI/AAAAAAAABq0/3V2K0xipFWs/s640/ipas.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><br /></p><p>เครื่องยนต์ไฮบริดของ McLaren ที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าในลักษณะนี้ ถือว่าเป็นวิศวกรรมขั้นสุดยอดที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อกำจัดจุดด้อยของเครื่องยนต์เทอร์โบ และผู้เขียนเชื่อว่าเครื่องยนต์ไฮบริดของ McLaren คือเครื่องยนต์เทอร์โบที่ดีที่สุดในโลก ณ ตอนนี้</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh3.googleusercontent.com/--_Yvwtj1YuU/U0MSQRcGndI/AAAAAAAABrI/PsGcD1JQzLY/s640/god-of-wind.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><br /></p><p>McLaren P1 เป็นรถที่ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทุกส่วนของรถถูกออกแบบมาเพื่อใช้เปลี่ยนการไหลของอากาศให้เป็นแรงกด (Downforce) ให้ได้มากที่สุด และนั่นทำให้ P1 เป็นรถโปรดัคชั่นคาร์ที่สามารถสร้างแรงกดได้มากที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย P1 สามารถสร้างแรงกดได้มากที่สุด 600 กิโลกรัมที่ความเร็ว 259 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แรงกดที่เกิดจากการไหลของอากาศนี้จะกดให้รถติดอยู่กับพื้นในขณะที่วิ่งด้วยความเร็วสูง ทำให้รถสามารถเข้าโค้งด้วยความเร็วที่สูงขึ้นและยังเพิ่มความสามารถในการควบคุมรถในความเร็วสูง หรือที่เรียกว่า "Aerodynamics Stability" (แอโรไดนามิคส์ สแตบิลิตี้)</p><p><br /></p><p>ความลับของแรงกดมหาศาลนี้อยู่ที่แอโรพาร์ทประสิทธิภาพสูงที่ถูกติดตั้งไว้รอบตัวรถ แอโรพาร์ทบางชิ้นนั้นเป็นแบบแอคทิฟ (Active) ซึ่งสามารถเพิ่มหรือลดแรงกดได้เองอัตโนมัติ และเพื่อที่จะได้เข้าใจความอัจฉริยะของเทคโนโลยีด้านอากาศพลศาสตร์จากแดนผู้ดีอย่างลึกซึ้ง ในบทความนี้ เราจะมาวิเคราะห์เจาะลึกแอโรพาร์ทแต่ละชิ้นของ McLaren P1 ว่าแต่ละชิ้นทำหน้าที่อะไร และมีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง</p><p><br /></p><p><b>Active Rear Wing (สปอยเลอร์หลังแบบแอคทิฟ)</b></p><p><br /></p><p>สปอยเลอร์ของ P1 สามารถปรับความสูงและมุมปีกได้อัตโนมัติ โดยความสูงและองศาของปีกจะแปรผันไปตามความเร็วของรถเพื่อที่จะสร้างแรงกดให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ โดยสปอยเลอร์ของ P1 สามารถสร้างแรงกดได้มากถึง 600 กิโลกรัม แรงกดที่สร้างได้จะกดลงล้อหลังซึ่งเป็นล้อขับเคลื่อน เมื่อแรงกดมากแล้ว แรงเสียดทานระหว่างยางและพื้นถนนก็จะมาก ทำให้รถสามารถเข้าโค้งด้วยความเร็วที่สูงขึ้น</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh4.googleusercontent.com/-emcyYKwo4HM/U0MSUbrXV_I/AAAAAAAABr0/tmtiUL2e-20/s640/rear_wing0.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><br /></p> <p style="text-align: center"><img src="https://lh4.googleusercontent.com/-fkkofk1LPnc/U0MSTk26oZI/AAAAAAAABrs/ZBte8Cd50n0/s640/rear_wing.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>การปรับมุมปีกของสปอยเลอร์นั้นมีผลโดยตรงกับแรงกดที่สร้างได้ เมื่อปีกทำมุม 0 องศา (ปีกเรียบขนานกับพื้น) แรงกดที่ได้จะมีค่าน้อยที่สุด แต่เมื่อเพิ่มมุมปีกมากขึ้นเรื่อยๆ แรงกดที่ได้ก็จะมีค่ามากขึ้นเรื่อย อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าแรงกดที่ได้มานี้ ต้องแลกมาด้วยแรงต้านอากาศที่เพิ่มขึ้น ปัญหาแรงต้านอากาศที่เพิ่มขึ้นนี้เอง เป็นจุดกำเนิดของสปอยเลอร์แบบแอคทิฟ ดังที่กล่าวไปตอนต้นแล้วว่า สปอยเลอร์แบบแอคทิฟสามารถปรับมุมปีกได้เองอย่างอัตโนมัติ การปรับมุมปีกให้นี้ก็มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มหรือลดแรงกดเพื่อให้สัมพันธ์กับสภาพการขับขี่ ตัวอย่างเช่น</p><p>- High-speed Turning: ในขณะที่เข้าโค้งด้วยความเร็วสูง เป็นช่วงที่ต้องการแรงกดมากที่สุด เพราะต้องกดรถไม่ให้ไถลออกนอกโค้ง ดังนั้น สปอยเลอร์แบบแอคทิฟจะปรับองศาเพิ่มขึ้นเพื่อที่จะสร้างแรงกดให้มากขึ้น</p><p>- Braking: ในขณะที่เบรคก็เช่นเดียวกัน สปอยเลอร์จะปรับมุมให้ชันมากสุดเพื่อสร้างแรงกดให้กับล้อหลัง เพราะถ้าไม่มีแรงกดจะทำให้ยางสูญเสียการยึดเกาะแล้วก็ไถล นอกจากนั้น และเมื่อสปอยเลอร์ตั้งชันชึ้นแล้วก็จะทำให้เกิดแรงต้านขึ้นด้วย แรงต้านอากาศที่เกิดขึ้นจะช่วยให้รถหยุดได้เร็วขึ้น การเบรคแบบนี้เรียกว่า "แอร์เบรค" (Airbrake) ซึ่งถ้าใครเคยขึ้นเครื่องบินก็คงจะนึกออก เพราะในช่วงแลนดิง เมื่อล้อถึงพื้น จะมีแผ่นเหล็กทำมุมตั้งชันขึ้นมาจากปีกเครื่องบิน เราเรียกแผ่นเหล็กนี้ว่า "สปีดเบรคเกอร์" (Speed breaker) ซึ่งก็มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้เครื่องบินหยุดได้เร็วขึ้นและลดระยะเบรคให้สั้นลงนั่นเอง</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh5.googleusercontent.com/-fVH1dxakdTI/U0MSWBpRY5I/AAAAAAAABsU/CHEO5Z8GQHY/s640/speed%2520brakes.JPG" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><br /></p><p>- Acceleration: ในขณะที่เร่งความเร็วในทางตรงเพื่อทำความเร็วสูงสุด ซึ่งไม่จำเป็นต้องสร้างแรงกดมากนัก สปอยเลอร์แบบแอคทิฟจะปรับมุมให้เป็นแนวราบมากที่สุดเพื่อลดแรงต้านอากาศ หรือผู้ขับขี่สามารถสั่งให้สปอยเลอร์ทำมุมราบได้โดยทันที โดยการกดปุ่ม DRS (Drag Reduction System) ที่อยู่ตรงพวงมาลัย ซึ่งฟังก์ชั่น DRS นี้เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่หยิบยืมมาจากรถแข่งฟอร์มูล่าวันอีกเช่นกัน</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh3.googleusercontent.com/-tECnQ1BQFzg/U0MSOy5IJOI/AAAAAAAABqw/QmEga8QoAGA/s640/drs.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><br /></p><p><b>Snorkel (ท่อไอดีแบบสน็อคเกิล)</b></p><p><br /></p><p>Snorkel เป็นท่อนำอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์เพื่อทำการเผาไหม้ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถแข่งฟอร์มูล่าวัน ท่อนำอากาศแบบ Snorkel ถูกติดตั้งอยู่บนหลังคาซึ่งเป็นบริเวณที่อากาศไหลผ่านได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น ท่อแบบ Snorkel จึงสามารถนำอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ได้มากกว่าท่อนำอากาศปกติ นอกจากนั้น อากาศที่ไหลเข้าไปใน Snorkel จะมีอุณหภูมิต่ำกว่าและมีความสะอาดมากกว่า ซึ่งจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh6.googleusercontent.com/-kBUZrdobAyI/U0MSVJA6lZI/AAAAAAAABsE/-f9GWVROZfA/s640/snorkel0.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><br /></p> <p style="text-align: center"><img src="https://lh4.googleusercontent.com/-HP9O8ZlpWpg/U0MSVjBGlaI/AAAAAAAABsI/mXfcX5HqkTA/s640/snorkel_side.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p><b>Nostril (รูจมูก)</b></p><p><br /></p><p>Nostril เป็น "ช่องนำอากาศ" (Air guide) ซึ่งมีหน้าที่นำกระแสอากาศที่ไหลมาประทะกับกันชนหน้าให้ไหลผ่านกระจกหน้าและขึ้นไปสู่หลังคา ถ้ามองเผินๆ แล้ว Nostril ก็เป็นเพียงช่องนำอากาศช่องหนึ่งเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว Nostril เป็นหนึ่งในอาวุธลับสุดยอดของ P1 ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่ 2 อย่างต่อไปนี้</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh4.googleusercontent.com/-TODBVF5vvOo/U0MSTLm8KFI/AAAAAAAABrg/-ng5P908jg8/s640/nostril.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>หน้าที่ประการของ Nostril ก็คือบังคับการไหลของอากาศไม่ให้ไหลเข้าไปในท่อไอดีที่อยู่ด้านบนหรือที่เรียกว่า "สน็อคเกิล" (Snorkel) ผู้อ่านหลายท่านคงเกิดคำถามขึ้นในใจว่า เอ๊ะ!? Snorkel มันคือท่อไอดี จริงๆ แล้ว เราควรจะบังคับอากาศให้ไหลเข้าไปในท่อไอดีให้ได้มากที่สุดไม่ใช่เหรอ? ใช่ครับ จริงๆ แล้วมันควรจะเป็นแบบนั้น แต่ความจริงก็คือว่า อากาศที่ไหลออกมาจาก Nostril คืออากาศที่ไหลผ่านหม้อน้ำซึ่งติดตั้งอยู่ที่หน้ารถ เพราะฉะนั้น อากาศที่ไหลออกจาก Nostril จึงเป็นอากาศร้อนที่ไม่เหมาะสำหรับนำเข้าไปในเครื่องยนต์เพื่อทำการสันดาป เพราะถ้าหากอากาศร้อนไหลเข้าไปแล้ว ประสิทธิภาพเชิงความร้อนของเครื่องยนต์ก็จะลดลง หรือพูดง่ายๆ ก็คือสมรรถนะของเครื่องยนต์จะลดลงนั่นเอง และยังส่งผลให้อุณหภูมิของห้องเครื่องเพิ่มสูงขึ้น เพราะเหตุนี้ McLaren จึงได้ออกแบบ Nostril เพื่อบังคับไม่ให้อากาศร้อนไหลเข้าไปในท่อไอดีนั่นเอง</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh3.googleusercontent.com/-Tiar3MNjzqY/U0MSSgdh2lI/AAAAAAAABrU/v-uRiO1JFQ0/s640/nosrtril_side.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>หน้าที่ประการที่สองของ Nostril ก็คือ การสร้างแรงกด (Downforce) ให้กับล้อหน้า หือ?...ช่องนำอากาศสามารถสร้างแรงกดได้อย่างไรกันนะ? ถ้าเรามองจากด้านข้างแล้วจะเห็นว่า Nostril จะเปลี่ยนทิศทางกระแสอากาศที่ไหลเข้ามาปะทะกันชนหน้าให้ไหลไปขึ้นไปด้านบน ซึ่งการเปลี่ยนทิศทางของอากาศให้ไหลขึ้นไปด้านบนในลักษณะนี้ จะเหมือนกับหลักการของสปอยเลอร์ ผลลัพธ์ที่ได้จากการเปลี่ยนทิศทางการไหลของอากาศก็คือ "แรงกด" (Downforce) นั่นเอง ซึ่งสำหรับรถแข่งฟอร์มูล่าวันแล้ว จะมีแอโร่พาร์ทอยู่ชิ้นหนึ่งที่ทำหน้าที่สร้างแรงกดให้กับล้อหน้า เรียกว่า "Front Spoiler" ซึ่ง Nostril ของ P1 ก็ทำหน้าที่เหมือนกับ Front Spoiler ของฟอร์มูล่าวันนั่นเอง</p><p><br /></p><p><b>Sculpted door (ประตูแบบมีโพรงอากาศ)</b></p><p><br /></p><p>ประตูของ McLaren P1 ถูกออกแบบให้มีโพรงอากาศขนาดใหญ่เพื่อนำอากาศให้ไหลเข้าไประบายความร้อนให้กับหม้อน้ำที่อยู่ภายในห้องเครื่องยนต์ แต่ถ้าสังเกตดีดีจะเห็นว่าที่ประตูของ P1 จะโพรงนำอากาศอยู่ 2 ช่อง คือ โพรงขนาดใหญ่ด้านข้างและโพรงด้านบน สำหรับโพรงด้านข้างนั้นจะนำอากาศไปสู่หม้อน้ำ แต่โพรงด้านบนนั้นจะนำอากาศเข้าไปในท่อไอดีและส่งไปยังเครื่องยนต์ต่อไป</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh4.googleusercontent.com/-ITb7c7_ibT0/U0MSVEiIRSI/AAAAAAAABsM/C1iUm67C1N8/s640/sculpted2.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>โดยปกติแล้ว รถสปอร์ตที่มีเครื่องยนต์อยู่ข้างหลังจะมีโพรงอากาศขนาดใหญ่เพื่อนำอากาศเข้าสู่ห้องเครื่องยนต์เพื่อใช้ในการเผาไหม้รวมไปถึงใช้ในการระบายความร้อนด้วย อากาศที่ไหลเข้าโพรงอากาศจะเป็นอากาศที่ไหลผ่านซุ้มล้อหน้าซึ่งเป็นอากาศสกปรก (Dirty air) แต่สำหรับ P1 แล้ว ถ้าเราสังเกตดูดีดีจะเห็นว่ากระแสอากาศที่ไหลเข้าไปในโพรงด้านบนนั้น เป็นกระแสอากาศที่ไม่ได้ไหลผ่านซุ้มล้อหน้า แต่เป็นอากาศที่ไหลมาจากด้านหน้าของรถโดยตรง ซึ่งเป็นอากาศที่สะอาด (Clean air) เหมาะสำหรับป้อนให้กับเครื่องยนต์เพื่อทำการเผาไหม้ (ในรูป ลูกศรสีแดงหมายถึงอากาศที่ใช้เพื่อระบายความร้อน ลูกศรสีน้ำเงินหมายถึงอากาศที่ใช้ป้อนให้กับเครื่องยนต์เพื่อนำไปเผาไหม้) และแน่นอนว่าอากาศที่สะอาดย่อมเผาไหม้และให้กำลังได้มากกว่าอากาศสกปรก</p><p><br /></p><p><b>Rear Diffuser (ดิฟฟิวเซอร์)</b></p><p><br /></p><p>ดิฟฟิวเซอร์เป็นช่องนำอากาศอีกช่องหนึ่งซึ่งถูกติดตั้งไว้ที่ใต้ท้องรถด้านท้าย หน้าที่ของดิฟฟิวเซอร์คือเร่งความเร็วของกระแสอากาศที่ไหลผ่านใต้ท้องรถ เมื่ออากาศที่ไหลผ่านใต้ท้องรถมีความเร็วสูงขึ้นแล้ว ความดันใต้ท้องรถก็จะลดลง การลดลงของความดันอากาศนี้เอง จะทำให้เกิดแรงกด (Downforce) หรือบางครั้งก็ถูกเรียกว่า "แรงดูด" (Suction force) ซึ่งแรงกดนี้จะช่วยกดให้รถติดกับพื้น เพื่อเพิ่มความเร็วในการเข้าโค้งและยังเพิ่มสมรรถนะในการควบคุมรถในขณะที่วิ่งด้วยความเร็วสูงอีกด้วย</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh5.googleusercontent.com/-WJkENkVtD6M/U0MSTfTUEWI/AAAAAAAABro/enoDyPPY_3U/s640/rear-diff.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>นอกจากนั้น บริเวณด้านล่างของ P1 จะมีแผ่นปิดใต้ท้องรถหรือเรียกว่า "Underbody" (อันเดอร์บอดี้) แผ่นปิดใต้ท้องรถจะช่วยจัดเรียงการไหลของอากาศให้มีระเบียบมากขึ้นและมีความเร็วมากขึ้นก่อนที่จะเข้าดิฟฟิวเซอร์ ทำให้ดิฟฟิวเซอร์สามารถสร้างแรงกดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีก สำหรับรถสำหรับรถฟอร์มูล่าวันแล้ว ดิฟฟิวเซอร์ถือเป็นแอโรพาร์ทที่สามารถสร้างแรงกดได้มากที่สุด คิดเป็นประมาณ 40% ของแรงกดทั้งหมด</p><p><br /></p><p>ความสำเร็จของ P1 ในครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นว่า McLaren ยังคงเป็นผู้นำในด้านวิศวกรรมยานยนต์ทั้งในและนอกสนามแข่ง และการกำเนิดของ P1 ในครั้งนี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงวงการซุปเปอร์คาร์ไปแล้วโดยสิ้นเชิง หลายคนบอกว่านี่ไม่ใช้ซุปเปอร์คาร์ แต่มันคือไฮเปอร์คาร์ และ McLaren P1 ยังเป็นรถที่มีดีเอ็นเอของรถแข่งฟอร์มูล่าวันอยู่เต็มเปี่ยม มันเป็นรถที่เกิดขึ้นมาเพื่ออยู่บนสนามแข่งอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น มันคงจะไม่ผิดนักถ้าผมจะบอกว่า "McLaren P1 คือ รถแข่งฟอร์มูล่าวันที่มีป้ายทะเบียน"</p><p><br /></p><p>Special Thanks</p><ul> <li><a href="http://www.autogespot.com" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://www.autogespot.com" rel="nofollow">http://www.autogespot.com</a></li> <li><a href="http://www.designedbyair.com" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://www.designedbyair.com" rel="nofollow">http://www.designedbyair.com</a></li> <li><a href="http://autoswall.com" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://autoswall.com" rel="nofollow">http://autoswall.com</a></li> </ul><p><br /></p><p><span style="color: #FF0000">***ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ของเนื้อหาและภาพประกอบของบทความนี้ </span></p><p><span style="color: #FF0000">***ดังนั้น ห้ามเผยแพร่ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของบทความนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต</span></p><p><span style="color: #FF0000">***การนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจะถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เขียนอีกด้วยโดยเจตนา</span>[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="RacingWeb, post: 2080908, member: 9984"][LIST] [*]"McLaren P1 คือ รถที่มีความล้ำสมัยที่สุดและน่าอัศจรรย์ที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา" Top Gear UK [*]"McLaren P1 ได้เปลี่ยนนิยามของคำว่า "ซุปเปอร์คาร์" ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง" Jeremy Clarkson [*]"McLaren P1 คือ รถซุปเปอร์คาร์สมัยใหม่ของศตวรรษที่ 21" Jay Leno [/LIST] [CENTER][IMG]https://lh6.googleusercontent.com/-5ZxlwJrIA-Q/U0MSRE7KitI/AAAAAAAABrA/iwJt4Hf4TcI/s640/mp1.jpg[/IMG][/CENTER] McLaren P1 เป็นรถซุปเปอร์คาร์สายพันธุ์ Hybrid ที่ถูกพัฒนาและผลิตโดยบริษัทรถยนต์สัญชาติอังกฤษชื่อดัง McLaren Automotive ซึ่งเป็นค่ายรถยนต์ที่ผลิตเฉพาะรถยนต์สมรรถนะสูงเท่านั้น จุดเด่นของค่ายนี้อยู่ที่การนำเทคโนโลยีของรถแข่งฟอร์มูล่าวันมาใส่ไว้ในรถยนต์ และในครั้งนี้ P1 ก็ได้รับเทคโนโลยีล่าสุดของรถแข่งมาอย่างเต็มรูปแบบ นอกจากเทคโนลียีที่ล้ำสมัยแล้ว วัสดุที่ใช้ในการประกอบรถคันนี้ยังเป็นวัสดุเกรดพรีเมี่ยมที่มีใช้เฉพาะในทางการทหารและการสำรวจอวกาศเท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้น รูปทรงของ P1 ยังได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์บนพื้นฐานของรถแข่งฟอรมูล่าวันที่ล้ำสมัยที่สุด ทั้งหมดนี้ทำให้ McLaren P1 เป็นหนึ่งในซุปเปอร์คาร์ที่ดีที่สุดของโลกในตอนนี้ [CENTER][IMG]https://lh6.googleusercontent.com/-7nNee8s0tsQ/U0MSRtE8lCI/AAAAAAAABrM/HDlqYgeGogg/s640/mp2.jpg[/IMG][/CENTER] McLaren P1 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน 2013 Geneva Motor Show และเพื่อที่จะคงไว้ซึ่ง "ความพิเศษ" ของรถรุ่นนี้ McLaren จึงได้จำกัดจำนวนการผลิตไว้เพียงแค่ 375 คันเท่านั้น และทั้ง 375 คัน ก็ถูกขายหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่เดือนหลังจากที่เปิดตัว McLaren P1 ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงอีกชิ้นหนึ่งของ McLaren ที่ได้รับดีเอ็นเอจากรถแข่งฟอร์มูล่าวันมาอย่างเต็มเปี่ยม และได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อสานต่อตำนานความแรงจากรุ่นพี่อย่าง McLaren F1 [CENTER][IMG]https://lh5.googleusercontent.com/-0v8HkSQfWiw/U0MSPMzZrUI/AAAAAAAABqo/w9auErNeQl0/s640/McLaren%2520P1%2520GENERAL.jpg[/IMG] [/CENTER] McLaren P1 เป็นรถยนต์ Hybrid ที่ใช้เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นกำลังขับเคลื่อน เครื่องยนต์ถูกติดตั้งไว้ที่ด้านหลังของตัวรถและส่งกำลังไปขับเคลื่อนล้อหลังโดยตรง โดยที่เครื่องยนต์เป็นเครื่องยนต์เบนซิน V8 3.8L twin-turbocharger ให้กำลังสูงถึง 727 แรงม้า ประกอบกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถเสกม้าได้เพิ่มอีก 176 ตัว เมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกันแล้ว จะทำให้ได้กำลังทั้งหมด 903 แรงม้า บอกได้คำเดียวว่าแรงมาก ผมนึกไม่ออกเลยว่าการที่มีม้า 900 กว่าตัววิ่งอยู่หลังคนขับ มันจะรู้สึกยังไง? ด้วยกำลังขับเคลื่อนมหาศาลขนาดนี้ ทำให้ P1 สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 2.8 วินาที ใช่แล้วครับ อ่านไม่ผิดหรอกครับ 2.8 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารุ่นพี่อย่าง McLaren F1 ที่สามารถทำเวลาได้ 3.2 วินาที [CENTER][IMG]https://lh6.googleusercontent.com/-WfOAGowp3OQ/U0MSPEgqq3I/AAAAAAAABqk/dVzhpXpDoVI/s623/engine.jpg[/IMG] [/CENTER] เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบถูกใช้เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อน ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้านั้นเป็นเพียงกำลังเสริม เป็นที่ทราบอยู่แล้วว่าเครื่องยนต์เทอร์โบจะมีจุดอ่อนในช่วงรอบต่ำ เพราะว่าในช่วงรอบต่ำนั้น เทอร์โบจะไม่สามารถสร้างแรงอัดอากาศได้เพียงพอ (บูสท์ไม่เพียงพอ) ทำให้เครื่องยนต์สร้างกำลังได้ไม่เต็มที่ เราเรียกอาการนี้ว่า "Turbo lag" (เทอร์โบแล็ก) หรืออาการ "รอรอบ" นั่นเอง และนี่เป็นจุดที่มอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาท มอเตอร์ไฟฟ้าถูกออกแบบมาให้ทำงานในช่วงรอบต่ำ เพื่อเป็นการเสริมกำลังให้กับเครื่องยนต์ในขณะที่เกิดอาการเทอร์โบแล็ก เมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานอย่างสัมพันธ์กันแล้ว ก็จะสามารถสร้างกำลังได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ นอกจากจะช่วยเพิ่มกำลังให้กับเครื่องยนต์ในช่วงเทอร์โบแล็กแล้ว มอเตอร์ไฟฟ้ายังสามารถเป็นกำลังเสริมในช่วงเร่งออกตัวได้อีกด้วย ผู้ขับสามารถเรียกใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเมื่อใดก็ได้ที่ต้องการ โดยการกดปุ่ม IPAS (Instant Power Assist System)ที่อยู่ตรงพวงมาลัย ซึ่งเทคโนโลยี IPAS ก็เป็นหนึ่งในเทคโลโลยีฟอร์มูล่าวันเช่นเดียวกัน [CENTER][IMG]https://lh5.googleusercontent.com/-wrYc5_Orjnw/U0MSQmJ7WRI/AAAAAAAABq0/3V2K0xipFWs/s640/ipas.jpg[/IMG] [/CENTER] เครื่องยนต์ไฮบริดของ McLaren ที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าในลักษณะนี้ ถือว่าเป็นวิศวกรรมขั้นสุดยอดที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อกำจัดจุดด้อยของเครื่องยนต์เทอร์โบ และผู้เขียนเชื่อว่าเครื่องยนต์ไฮบริดของ McLaren คือเครื่องยนต์เทอร์โบที่ดีที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ [CENTER][IMG]https://lh3.googleusercontent.com/--_Yvwtj1YuU/U0MSQRcGndI/AAAAAAAABrI/PsGcD1JQzLY/s640/god-of-wind.jpg[/IMG] [/CENTER] McLaren P1 เป็นรถที่ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทุกส่วนของรถถูกออกแบบมาเพื่อใช้เปลี่ยนการไหลของอากาศให้เป็นแรงกด (Downforce) ให้ได้มากที่สุด และนั่นทำให้ P1 เป็นรถโปรดัคชั่นคาร์ที่สามารถสร้างแรงกดได้มากที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย P1 สามารถสร้างแรงกดได้มากที่สุด 600 กิโลกรัมที่ความเร็ว 259 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แรงกดที่เกิดจากการไหลของอากาศนี้จะกดให้รถติดอยู่กับพื้นในขณะที่วิ่งด้วยความเร็วสูง ทำให้รถสามารถเข้าโค้งด้วยความเร็วที่สูงขึ้นและยังเพิ่มความสามารถในการควบคุมรถในความเร็วสูง หรือที่เรียกว่า "Aerodynamics Stability" (แอโรไดนามิคส์ สแตบิลิตี้) ความลับของแรงกดมหาศาลนี้อยู่ที่แอโรพาร์ทประสิทธิภาพสูงที่ถูกติดตั้งไว้รอบตัวรถ แอโรพาร์ทบางชิ้นนั้นเป็นแบบแอคทิฟ (Active) ซึ่งสามารถเพิ่มหรือลดแรงกดได้เองอัตโนมัติ และเพื่อที่จะได้เข้าใจความอัจฉริยะของเทคโนโลยีด้านอากาศพลศาสตร์จากแดนผู้ดีอย่างลึกซึ้ง ในบทความนี้ เราจะมาวิเคราะห์เจาะลึกแอโรพาร์ทแต่ละชิ้นของ McLaren P1 ว่าแต่ละชิ้นทำหน้าที่อะไร และมีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง [B]Active Rear Wing (สปอยเลอร์หลังแบบแอคทิฟ)[/B] สปอยเลอร์ของ P1 สามารถปรับความสูงและมุมปีกได้อัตโนมัติ โดยความสูงและองศาของปีกจะแปรผันไปตามความเร็วของรถเพื่อที่จะสร้างแรงกดให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ โดยสปอยเลอร์ของ P1 สามารถสร้างแรงกดได้มากถึง 600 กิโลกรัม แรงกดที่สร้างได้จะกดลงล้อหลังซึ่งเป็นล้อขับเคลื่อน เมื่อแรงกดมากแล้ว แรงเสียดทานระหว่างยางและพื้นถนนก็จะมาก ทำให้รถสามารถเข้าโค้งด้วยความเร็วที่สูงขึ้น [CENTER][IMG]https://lh4.googleusercontent.com/-emcyYKwo4HM/U0MSUbrXV_I/AAAAAAAABr0/tmtiUL2e-20/s640/rear_wing0.jpg[/IMG] [IMG]https://lh4.googleusercontent.com/-fkkofk1LPnc/U0MSTk26oZI/AAAAAAAABrs/ZBte8Cd50n0/s640/rear_wing.jpg[/IMG][/CENTER] การปรับมุมปีกของสปอยเลอร์นั้นมีผลโดยตรงกับแรงกดที่สร้างได้ เมื่อปีกทำมุม 0 องศา (ปีกเรียบขนานกับพื้น) แรงกดที่ได้จะมีค่าน้อยที่สุด แต่เมื่อเพิ่มมุมปีกมากขึ้นเรื่อยๆ แรงกดที่ได้ก็จะมีค่ามากขึ้นเรื่อย อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าแรงกดที่ได้มานี้ ต้องแลกมาด้วยแรงต้านอากาศที่เพิ่มขึ้น ปัญหาแรงต้านอากาศที่เพิ่มขึ้นนี้เอง เป็นจุดกำเนิดของสปอยเลอร์แบบแอคทิฟ ดังที่กล่าวไปตอนต้นแล้วว่า สปอยเลอร์แบบแอคทิฟสามารถปรับมุมปีกได้เองอย่างอัตโนมัติ การปรับมุมปีกให้นี้ก็มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มหรือลดแรงกดเพื่อให้สัมพันธ์กับสภาพการขับขี่ ตัวอย่างเช่น - High-speed Turning: ในขณะที่เข้าโค้งด้วยความเร็วสูง เป็นช่วงที่ต้องการแรงกดมากที่สุด เพราะต้องกดรถไม่ให้ไถลออกนอกโค้ง ดังนั้น สปอยเลอร์แบบแอคทิฟจะปรับองศาเพิ่มขึ้นเพื่อที่จะสร้างแรงกดให้มากขึ้น - Braking: ในขณะที่เบรคก็เช่นเดียวกัน สปอยเลอร์จะปรับมุมให้ชันมากสุดเพื่อสร้างแรงกดให้กับล้อหลัง เพราะถ้าไม่มีแรงกดจะทำให้ยางสูญเสียการยึดเกาะแล้วก็ไถล นอกจากนั้น และเมื่อสปอยเลอร์ตั้งชันชึ้นแล้วก็จะทำให้เกิดแรงต้านขึ้นด้วย แรงต้านอากาศที่เกิดขึ้นจะช่วยให้รถหยุดได้เร็วขึ้น การเบรคแบบนี้เรียกว่า "แอร์เบรค" (Airbrake) ซึ่งถ้าใครเคยขึ้นเครื่องบินก็คงจะนึกออก เพราะในช่วงแลนดิง เมื่อล้อถึงพื้น จะมีแผ่นเหล็กทำมุมตั้งชันขึ้นมาจากปีกเครื่องบิน เราเรียกแผ่นเหล็กนี้ว่า "สปีดเบรคเกอร์" (Speed breaker) ซึ่งก็มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้เครื่องบินหยุดได้เร็วขึ้นและลดระยะเบรคให้สั้นลงนั่นเอง [CENTER][IMG]https://lh5.googleusercontent.com/-fVH1dxakdTI/U0MSWBpRY5I/AAAAAAAABsU/CHEO5Z8GQHY/s640/speed%2520brakes.JPG[/IMG] [/CENTER] - Acceleration: ในขณะที่เร่งความเร็วในทางตรงเพื่อทำความเร็วสูงสุด ซึ่งไม่จำเป็นต้องสร้างแรงกดมากนัก สปอยเลอร์แบบแอคทิฟจะปรับมุมให้เป็นแนวราบมากที่สุดเพื่อลดแรงต้านอากาศ หรือผู้ขับขี่สามารถสั่งให้สปอยเลอร์ทำมุมราบได้โดยทันที โดยการกดปุ่ม DRS (Drag Reduction System) ที่อยู่ตรงพวงมาลัย ซึ่งฟังก์ชั่น DRS นี้เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่หยิบยืมมาจากรถแข่งฟอร์มูล่าวันอีกเช่นกัน [CENTER][IMG]https://lh3.googleusercontent.com/-tECnQ1BQFzg/U0MSOy5IJOI/AAAAAAAABqw/QmEga8QoAGA/s640/drs.jpg[/IMG] [/CENTER] [B]Snorkel (ท่อไอดีแบบสน็อคเกิล)[/B] Snorkel เป็นท่อนำอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์เพื่อทำการเผาไหม้ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถแข่งฟอร์มูล่าวัน ท่อนำอากาศแบบ Snorkel ถูกติดตั้งอยู่บนหลังคาซึ่งเป็นบริเวณที่อากาศไหลผ่านได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น ท่อแบบ Snorkel จึงสามารถนำอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ได้มากกว่าท่อนำอากาศปกติ นอกจากนั้น อากาศที่ไหลเข้าไปใน Snorkel จะมีอุณหภูมิต่ำกว่าและมีความสะอาดมากกว่า ซึ่งจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น [CENTER][IMG]https://lh6.googleusercontent.com/-kBUZrdobAyI/U0MSVJA6lZI/AAAAAAAABsE/-f9GWVROZfA/s640/snorkel0.jpg[/IMG] [IMG]https://lh4.googleusercontent.com/-HP9O8ZlpWpg/U0MSVjBGlaI/AAAAAAAABsI/mXfcX5HqkTA/s640/snorkel_side.jpg[/IMG][/CENTER] [B]Nostril (รูจมูก)[/B] Nostril เป็น "ช่องนำอากาศ" (Air guide) ซึ่งมีหน้าที่นำกระแสอากาศที่ไหลมาประทะกับกันชนหน้าให้ไหลผ่านกระจกหน้าและขึ้นไปสู่หลังคา ถ้ามองเผินๆ แล้ว Nostril ก็เป็นเพียงช่องนำอากาศช่องหนึ่งเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว Nostril เป็นหนึ่งในอาวุธลับสุดยอดของ P1 ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่ 2 อย่างต่อไปนี้ [CENTER][IMG]https://lh4.googleusercontent.com/-TODBVF5vvOo/U0MSTLm8KFI/AAAAAAAABrg/-ng5P908jg8/s640/nostril.jpg[/IMG][/CENTER] หน้าที่ประการของ Nostril ก็คือบังคับการไหลของอากาศไม่ให้ไหลเข้าไปในท่อไอดีที่อยู่ด้านบนหรือที่เรียกว่า "สน็อคเกิล" (Snorkel) ผู้อ่านหลายท่านคงเกิดคำถามขึ้นในใจว่า เอ๊ะ!? Snorkel มันคือท่อไอดี จริงๆ แล้ว เราควรจะบังคับอากาศให้ไหลเข้าไปในท่อไอดีให้ได้มากที่สุดไม่ใช่เหรอ? ใช่ครับ จริงๆ แล้วมันควรจะเป็นแบบนั้น แต่ความจริงก็คือว่า อากาศที่ไหลออกมาจาก Nostril คืออากาศที่ไหลผ่านหม้อน้ำซึ่งติดตั้งอยู่ที่หน้ารถ เพราะฉะนั้น อากาศที่ไหลออกจาก Nostril จึงเป็นอากาศร้อนที่ไม่เหมาะสำหรับนำเข้าไปในเครื่องยนต์เพื่อทำการสันดาป เพราะถ้าหากอากาศร้อนไหลเข้าไปแล้ว ประสิทธิภาพเชิงความร้อนของเครื่องยนต์ก็จะลดลง หรือพูดง่ายๆ ก็คือสมรรถนะของเครื่องยนต์จะลดลงนั่นเอง และยังส่งผลให้อุณหภูมิของห้องเครื่องเพิ่มสูงขึ้น เพราะเหตุนี้ McLaren จึงได้ออกแบบ Nostril เพื่อบังคับไม่ให้อากาศร้อนไหลเข้าไปในท่อไอดีนั่นเอง [CENTER][IMG]https://lh3.googleusercontent.com/-Tiar3MNjzqY/U0MSSgdh2lI/AAAAAAAABrU/v-uRiO1JFQ0/s640/nosrtril_side.jpg[/IMG][/CENTER] หน้าที่ประการที่สองของ Nostril ก็คือ การสร้างแรงกด (Downforce) ให้กับล้อหน้า หือ?...ช่องนำอากาศสามารถสร้างแรงกดได้อย่างไรกันนะ? ถ้าเรามองจากด้านข้างแล้วจะเห็นว่า Nostril จะเปลี่ยนทิศทางกระแสอากาศที่ไหลเข้ามาปะทะกันชนหน้าให้ไหลไปขึ้นไปด้านบน ซึ่งการเปลี่ยนทิศทางของอากาศให้ไหลขึ้นไปด้านบนในลักษณะนี้ จะเหมือนกับหลักการของสปอยเลอร์ ผลลัพธ์ที่ได้จากการเปลี่ยนทิศทางการไหลของอากาศก็คือ "แรงกด" (Downforce) นั่นเอง ซึ่งสำหรับรถแข่งฟอร์มูล่าวันแล้ว จะมีแอโร่พาร์ทอยู่ชิ้นหนึ่งที่ทำหน้าที่สร้างแรงกดให้กับล้อหน้า เรียกว่า "Front Spoiler" ซึ่ง Nostril ของ P1 ก็ทำหน้าที่เหมือนกับ Front Spoiler ของฟอร์มูล่าวันนั่นเอง [B]Sculpted door (ประตูแบบมีโพรงอากาศ)[/B] ประตูของ McLaren P1 ถูกออกแบบให้มีโพรงอากาศขนาดใหญ่เพื่อนำอากาศให้ไหลเข้าไประบายความร้อนให้กับหม้อน้ำที่อยู่ภายในห้องเครื่องยนต์ แต่ถ้าสังเกตดีดีจะเห็นว่าที่ประตูของ P1 จะโพรงนำอากาศอยู่ 2 ช่อง คือ โพรงขนาดใหญ่ด้านข้างและโพรงด้านบน สำหรับโพรงด้านข้างนั้นจะนำอากาศไปสู่หม้อน้ำ แต่โพรงด้านบนนั้นจะนำอากาศเข้าไปในท่อไอดีและส่งไปยังเครื่องยนต์ต่อไป [CENTER][IMG]https://lh4.googleusercontent.com/-ITb7c7_ibT0/U0MSVEiIRSI/AAAAAAAABsM/C1iUm67C1N8/s640/sculpted2.jpg[/IMG][/CENTER] โดยปกติแล้ว รถสปอร์ตที่มีเครื่องยนต์อยู่ข้างหลังจะมีโพรงอากาศขนาดใหญ่เพื่อนำอากาศเข้าสู่ห้องเครื่องยนต์เพื่อใช้ในการเผาไหม้รวมไปถึงใช้ในการระบายความร้อนด้วย อากาศที่ไหลเข้าโพรงอากาศจะเป็นอากาศที่ไหลผ่านซุ้มล้อหน้าซึ่งเป็นอากาศสกปรก (Dirty air) แต่สำหรับ P1 แล้ว ถ้าเราสังเกตดูดีดีจะเห็นว่ากระแสอากาศที่ไหลเข้าไปในโพรงด้านบนนั้น เป็นกระแสอากาศที่ไม่ได้ไหลผ่านซุ้มล้อหน้า แต่เป็นอากาศที่ไหลมาจากด้านหน้าของรถโดยตรง ซึ่งเป็นอากาศที่สะอาด (Clean air) เหมาะสำหรับป้อนให้กับเครื่องยนต์เพื่อทำการเผาไหม้ (ในรูป ลูกศรสีแดงหมายถึงอากาศที่ใช้เพื่อระบายความร้อน ลูกศรสีน้ำเงินหมายถึงอากาศที่ใช้ป้อนให้กับเครื่องยนต์เพื่อนำไปเผาไหม้) และแน่นอนว่าอากาศที่สะอาดย่อมเผาไหม้และให้กำลังได้มากกว่าอากาศสกปรก [B]Rear Diffuser (ดิฟฟิวเซอร์)[/B] ดิฟฟิวเซอร์เป็นช่องนำอากาศอีกช่องหนึ่งซึ่งถูกติดตั้งไว้ที่ใต้ท้องรถด้านท้าย หน้าที่ของดิฟฟิวเซอร์คือเร่งความเร็วของกระแสอากาศที่ไหลผ่านใต้ท้องรถ เมื่ออากาศที่ไหลผ่านใต้ท้องรถมีความเร็วสูงขึ้นแล้ว ความดันใต้ท้องรถก็จะลดลง การลดลงของความดันอากาศนี้เอง จะทำให้เกิดแรงกด (Downforce) หรือบางครั้งก็ถูกเรียกว่า "แรงดูด" (Suction force) ซึ่งแรงกดนี้จะช่วยกดให้รถติดกับพื้น เพื่อเพิ่มความเร็วในการเข้าโค้งและยังเพิ่มสมรรถนะในการควบคุมรถในขณะที่วิ่งด้วยความเร็วสูงอีกด้วย [CENTER][IMG]https://lh5.googleusercontent.com/-WJkENkVtD6M/U0MSTfTUEWI/AAAAAAAABro/enoDyPPY_3U/s640/rear-diff.jpg[/IMG][/CENTER] นอกจากนั้น บริเวณด้านล่างของ P1 จะมีแผ่นปิดใต้ท้องรถหรือเรียกว่า "Underbody" (อันเดอร์บอดี้) แผ่นปิดใต้ท้องรถจะช่วยจัดเรียงการไหลของอากาศให้มีระเบียบมากขึ้นและมีความเร็วมากขึ้นก่อนที่จะเข้าดิฟฟิวเซอร์ ทำให้ดิฟฟิวเซอร์สามารถสร้างแรงกดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีก สำหรับรถสำหรับรถฟอร์มูล่าวันแล้ว ดิฟฟิวเซอร์ถือเป็นแอโรพาร์ทที่สามารถสร้างแรงกดได้มากที่สุด คิดเป็นประมาณ 40% ของแรงกดทั้งหมด ความสำเร็จของ P1 ในครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นว่า McLaren ยังคงเป็นผู้นำในด้านวิศวกรรมยานยนต์ทั้งในและนอกสนามแข่ง และการกำเนิดของ P1 ในครั้งนี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงวงการซุปเปอร์คาร์ไปแล้วโดยสิ้นเชิง หลายคนบอกว่านี่ไม่ใช้ซุปเปอร์คาร์ แต่มันคือไฮเปอร์คาร์ และ McLaren P1 ยังเป็นรถที่มีดีเอ็นเอของรถแข่งฟอร์มูล่าวันอยู่เต็มเปี่ยม มันเป็นรถที่เกิดขึ้นมาเพื่ออยู่บนสนามแข่งอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น มันคงจะไม่ผิดนักถ้าผมจะบอกว่า "McLaren P1 คือ รถแข่งฟอร์มูล่าวันที่มีป้ายทะเบียน" Special Thanks [LIST] [*][URL]http://www.autogespot.com[/URL] [*][URL]http://www.designedbyair.com[/URL] [*][URL]http://autoswall.com[/URL] [/LIST] [COLOR=#FF0000]***ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ของเนื้อหาและภาพประกอบของบทความนี้ ***ดังนั้น ห้ามเผยแพร่ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของบทความนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต ***การนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจะถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เขียนอีกด้วยโดยเจตนา[/COLOR][/QUOTE]
Log in with Facebook
Log in with Twitter
Log in with Google
Your name or email address:
Do you already have an account?
No, create an account now.
Yes, my password is:
Forgot your password?
Stay logged in
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Portal
>
Articles
>
McLaren P1 : An Engineering Perfection - แม็คลาเรน พีวัน : สุดยอดความสมบูรณ์แบบทางวิศวกรรม
>
X
Home
Home
Quick Links
Recent Posts
Recent Activity
Authors
Forums
Forums
Quick Links
Search Forums
Recent Posts
Classifieds
Classifieds
Quick Links
Search Classifieds
Recent Activity
Top Rated Traders
Media
Media
Quick Links
Search Media
New Media
Members
Members
Quick Links
Notable Members
Registered Members
Current Visitors
Recent Activity
New Profile Posts
Menu
Search titles only
Posted by Member:
Separate names with a comma.
Newer Than:
Search this thread only
Search this forum only
Display results as threads
Useful Searches
Recent Posts
More...